ให้ประชาชน ป้องกันการระบาดของโรคและภัยสุขภาพในระดับพื้นที่ของเทศบาลตำบลป่าตันนาครัว

11.เทศบาลตำบลป่าตันนาครัว ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ป้องกันการระบาดของโรคและภัยสุขภาพในระดับพื้นที่ของเทศบาล ตำบลป่าตันนาครัว ตามที่จังหวัดลำปาง แจ้งเรื่องอากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในหลายพื้นที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนและอาจเกิดแนวโน้มของการเจ็บป่วยด้วยโรคจากภัยหนาว ซึ่งประเทศไทย จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2562 เนื่องจากอุณหภูมิต่ำสุดบริเวณประเทศไทยตอนบน จะลดลง อยู่ในเกณฑ์อากาศหนาวเย็นเกือบทั่วไปอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1. โรคติดต่อ
1.1 โรคหัด (Measles) โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัส Measles พบเชื้อบริเวณในจมูกและลำคอของผู้ป่วย ผู้ป่วยส่วนใหญ่กลุ่มอายุ 20 – 39 ปี ไม่มีประวัติการได้รับวัคซีนหัดหรือไม่แน่ใจว่าเคยได้รับวัคซีนมาก่อน และพบผู้เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 7 เดือน ถึง 2 ปี 6 เดือน ไม่เคยได้รับวัคซีนหัดมาก่อนเช่นกัน โดยผู้ป่วยทุกรายมีภาวะแทรกซ้อน คือ ปอดอักเสบ
การติดต่อ สามารถติดต่อโดยการหายใจเอาละอองอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสหัด จาม การไอ จาม หรือพูดคุยกันในระยะใกล้ชิดกับผู้ป่วย
อาการ ผู้ป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ น้ำมูกไหล ไอ บางรายมีตาแดง ถ่ายเหลว มีจุดขาวๆ เล็กๆ ที่กระพุ้งแก้ม หลักจากมีไข้ประมาณ 3 – 4 วัน จะเริ่มมีผื่นนูนแดงขึ้นมักเริ่มจากใบหน้าบริเวณชิดขอบผมและร่างกาย เมื่อผื่นขึ้นประมาณ 1 – 2 วัน ไข้จะเริ่มลดลง ส่วนใหญ่ผื่นจะจางหายไปประมาณ 2 สัปดาห์ บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงทำให้เกิดปอดอักเสบ และสมองอักเสบได้
การป้องกัน โรคหัดเป็รโรคที่สามารถป้องกันด้วยวัคซีน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้มากกว่าร้อยละ 95 สำหรับเด็กแนะนำให้ฉีดสองเข็ม เข็มแรกที่อายุ 9 เดือน และเข็มที่สองตอนอายุ 2 ปี ครึ่ง สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและหลักเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย
1.2 โรคปอดอักเสบ (Pneumonia)
โรคปอดอักเสบหรือที่เรียกรู้จักกันทั่วไปว่า “ปอดบวม” สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่อาการรุนแรงมักพบได้บ่อยในเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป หรือผู้ที่มีประวัติปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นรื้อรัง โรคหัวใจ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ฯลฯ โดยเชื้อก่อโรค ที่สำคัญ ได้แก่ เชื้อ Streptococcus pneumonia เชื้อHaemophilus influenza type b เชื้อ Chlamydla pneumonia และเชื้อMycoplasma pneumonia
การติดต่อ เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุมักจะอยู่ในน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วยและสามารถแพร่กระจายได้โดยการไอ จาม หรือการหายใจรดกัน
อาการ ผู้ป่วยมักมีอาการไข้ ไอ หายใจเร็วอาจมีอาการหอบ หายใจลำบาก เหงื่อออกหนาวสั่น บางรายอาจมีอาการซึม มีความรู้สึกสับสน อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติเด็กเล็กอาจมีอาการท้องอืด อาเจียน ซึม ไม่ดูดนมหรือน้ำ ทั้งนี้ ระดับความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ อายุ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
การป้องกัน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีผู้คนแออัด ไม่ควรให้เด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กต่ำกว่า 1 ปี และผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรงคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควรฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ไอพีดี หรือ ฮิบ หากสงสัยว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันที
1.3 โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่แพร่ระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนชา (Influenza virus) กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ กลุ่มแรกเกิด 4 ปี รองลงมาคือ 5 – 9 ปี และ 10 – 14 ปี ตามลำดับ ในกลุ่มผู้เสียชีวิตพบได้ตั้งแต่อายุ 1 – 95 ปี ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุซึ่งมีอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไป และมีโรคประจำตัว มักพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน พบได้มากในสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างแออัด เช่น ในเรือนจำหรือสถานศึกษา เป็นต้น
การติดต่อ ติดต่อโดยการหายใจหรือสัมผัสละอองฝอยจากการไอ จามของผู้ป่วยหรือจากการสัมผัส ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
อาการ ผู้ป่วยมักมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว บางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดภาวะปวดบวมหรือสมองอักเสบได้
การป้องกัน แนะนำให้ประชาชนควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เลือกรับประทานอาหาร ที่คุณค่าทางโภชนาการ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ หน่วยงานต่างๆ ควรมีมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ป่วย หากสังเกตพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แนะนำให้หยุดเรียนหรือหยุดงาน กรณีมีไข้หากกินยาลดไข้แล้ว อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป
1.4 โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute diarrhea)
โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันสามารถพบได้ตลอดทั้งปี เกิดได้หลายสาเหตุทั้งจากเชื้อแบคทีเรียท ไวรัสหรือสารเคมี แต่ในช่วงฤดูนี้เชื้อที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ได้แก่ เชื้อไวรัส เช่น โรต้าไวรัส โนโรไวรัส อะดีโนไวรัส แอสโปรไวรัสฯลฯ โดยเฉพาะโรต้าไวรัส (Rota virus) เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนและทำให้เด็กเสียชีวิตได้ มักพบบ่อยในกลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุ 1 – 3 ปี
การติดต่อ ติดต่อโดยการรับประทานอาหารและน้ำที่มีเชื้อโรต้าไวรัส
อาการ มักมีไข้ อาเจียน อุจจาระร่วงอย่างรุนแรง ทำให้เสียน้ำมาก บางรายรักษาไม่ทันอาจรักษาไม่ทัน อาจช็อคและเสียชีวิตในที่สุด ปัจจุบันยังมีการรักษา ใช้วิธีรักษาแบบประคับประคองใช้ยาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง และให้น้ำเกลือทดแทนการสูญเสียเกลือแร่จากการถ่ายอุจจาระและอาเจียน
การป้องกัน วิธีที่ดีที่สุด คือ การทำให้ความสำคัญของการดูแลสุขภาพอนามัยอาหารและน้ำ ควรรับประทานอาหารที่สุกใหม่ๆ และดื่มน้ำต้มสุก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็สามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่เด็กจะเกิดโรคอุจจาระร่วงได้ ควรถ่ายอุจาระลงในภาชนะที่รองรับมิดชิด แล้วนำไปกำจัดในส้วมที่ถูกสุขลักษณะเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย หมั่นล้างมือทุกครั้ง และทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปสถานที่แออัด ปัจจุบัน มีวัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโรต้าไวรัส วัคซีนยังไม่ถูกบรรจุอยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
2. ภัยสุขภาพ
2.1 การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาว
มักเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ คนเร่ร่อน ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ดื่มสุราเพื่อคลายหนาว
2.2 การสูดดมก๊าซพิษและขาดอากาศหายใจจากเครื่องทำน้ำอุ่นระบบก๊าซ
บ้านพักหรือรีสอร์ทส่วนใหญ่มักใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส ควรตรวจสอบเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สให้ได้มาตรฐานและปลอดภัย ก่อนใช้งาน
2.3 การเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงอากาศหนาวและหมอกจัดตรวจสอบสภาพอากาศและเส้นทางก่อนเดินทางหากทัศนวิสัยไม่ดี หมอกจัด ไม่ควรเดินทางหรือหากจำเป็นควรขับด้วยความระมัดระวังและเปิดไฟหน้าช่วงที่มีหมอกลงจัด
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลป่าตันนาครัว หมายเลขโทรศัพท์ 0 – 5428 – 9111 ต่อ 116 ในวันและเวลาราชการ หรือทางเว็บไชต์ของเทศบาลฯ www.patunnakure.go.th

Related posts